ปัญหาความไม่มั่นใจในรอยยิ้มสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งผู้ที่มีปัญหาเช่นนี้มักทำการแก้ไขด้วยการจัดฟัน หรือแก้ไขการเรียงตัวของฟัน ปัจจุบันการจัดฟันมีหลายรูปแบบให้เลือก ซึ่งการจัดฟันแต่ละแบบจะสามารถตอบสนองความต้องการคนไข้ได้ต่างกัน รวมไปถึงวิธีการ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ และราคาค่าใช้จ่ายก็ต่างกันออกไปด้วย
การจัดฟันเป็นวิธีรักษาทางทันตกรรม ซึ่งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากปัญหา ฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันเหยิน ฟันห่าง การสบฟันไม่สนิท แก้ไขรูปขากรรไกร หรือฟันที่เรียงอย่างไม่เป็นระเบียบ ที่ส่งผลกระทบต่อรูปหน้ารวมถึงประสิทธิภาพการบดเคี้ยว การจัดฟันแบ่งออกตามอุปกรณ์จัดฟันมี 4 แบบ คือ จัดฟันเหล็ก หรือจัดฟันโลหะ, จัดฟันเซรามิก, จัดฟันดาม่อน และการจัดฟันใส
ประเภทของอุปกรณ์จัดฟัน
1. เครื่องมือจัดฟันเหล็กหรือโลหะ (Metal brace)
ถือเป็นการจัดฟันที่คนนิยมมากที่สุด เพราะการจัดฟันแบบโลหะ ช่วยแก้ปัญหาฟันเก ฟันซ้อน ฟันห่าง การสบฟันได้ ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะเป็นตัวล็อกลวด bracket เหล็กยึดติดกับผิวฟัน เชื่อมกับลวดที่ถูกร้อยผ่าน bracket เพื่อดึงฟันให้เรียงตัวอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ
มีแถบยางสีๆ ขนาดเล็กจะยึดลวดไว้ ทันตแพทย์จะค่อยๆ ขยับลวดใน เพื่อดึงฟันให้อยู่ในแนวเดียวกัน ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงในการจัดฟัน การใส่เครื่องมือครั้งแรกอาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายหรือระคายช่องปากเพราะยังไม่ชิน มีผลต่อการพูดออกเสียงและการรับประทานอาหารบ้าง
นอกจากนี้การจัดฟันแบบโลหะ จะมีอุปกรณ์จัดฟันที่เห็นได้ชัดและสามารถเลือกสีสันของยางจัดฟันได้ ระยะเวลาในการจัดฟันขึ้นอยู่กับเคสของแต่ละคนว่ายากง่ายอย่างไร แต่โดยทั่วไปแล้วมักใช้เวลา 2-3 ปี และควรเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ เดือน
เครื่องมือจัดฟันเหล็กเหมาะสำหรับ
- คนที่อายุยังไม่มากนัก มีเวลาพบทันตแพทย์ทุกเดือน ไม่เร่งรีบในการรอผลลัพธ์
- ราคา เริ่มต้น 35,000 บาท
2. เครื่องมือจัดฟันเซรามิก (Ceramic brace )
เป็นการจัดฟันที่คล้ายกับการจัดฟันแบบโลหะ สามารถแก้ไขปัญหารูปฟันต่างๆ ได้ดีเช่นเดียวกัน มีวิธีการในการบังคับแรงและทิศทางในการเคลื่อนฟันแบบเดียวกัน แต่ต่างกันที่วัสดุ ซึ่งการจัดฟันเซรามิกจะใช้วัสดุที่ติดบนผิวด้านหน้าเป็นแบบเซรามิกใส สีเหมือนฟันทำให้มองแทบไม่เห็นว่าติดอุปกรณ์จัดฟันอยู่
การใช้เครื่องมือจัดฟันเซรามิกนั้นจะต้องระมัดระวังหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง เพราะเซรามิกมีความเปราะทำให้แตกได้ง่าย ระยะเวลาในการจัดฟันขึ้นอยู่กับเคสของแต่ละคนว่ายากง่ายอย่างไร แต่โดยทั่วไปแล้วมักใช้เวลา 2-3 ปี และควรเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ เดือน
เครื่องมือจัดฟันเซรามิกเหมาะสำหรับ
- คนที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่อยากให้คนสังเกตเห็น แต่ต้องเป็นคนที่ไม่ได้ใช้งานฟันเยอะมากนัก เพราะต้องระวังว่าเนื้อเซรามิกจะแตกได้
- ราคา เริ่มต้น 60,000 บาท
3. เครื่องมือจัดฟันดาม่อน (Damon)
การจัดฟันแบบดาม่อนสามารถแก้ไขปัญหารูปฟันต่างๆได้ดีเช่นเดียวกับการจัดฟันประเภทอื่นๆ โดยวิธีการทำงานในแบบของดาม่อนนั้นจะมีระบบ Self-ligating Braces เป็นเทคโนโลยีพิเศษเฉพาะตัว ซึ่งตัวแบร็คเก็ตจะมีตลับเปิดปิด ใส่ลวดเข้าไปล็อกกับดามอนได้โดยไม่ต้องใช้ยางรัด ลวดชนิดพิเศษนี้ทำให้การเคลื่อนฟันไม่เจ็บมากนัก
ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันแบบดามอน จะใช้ระยะเวลาสั้นกว่าการจัดฟันทั่วไปอีกด้วย เฉลี่ยคือ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน หากมีฟันซ้อนเกมากก็อาจใช้เวลานานมากขึ้น และควรเข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 2 เดือน
เครื่องมือจัดฟันดาม่อนเหมาะสำหรับ
คนที่กลัวความเจ็บปวดจากการจัดฟัน
ราคา เริ่มต้น 70,000 บาท
4. เครื่องมือจัดฟันแบบใส (Clear aligner)
เป็นการจัดฟันที่เป็นที่นิยมรองลงมาจากแบบโลหะ เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือถอดได้ แบบพลาสติกใส ไม่ระคายเคืองต่อช่องปาก ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และยังให้ความเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย โดยวิธีการทำงานของการจัดฟันแบบใสนั้นมีหลักการให้แรงเบาๆในการเคลื่อนฟันไปในทิศทางที่ต้องการ และบางกรณีจะมีการใช้สิ่งที่เรียกว่าปุ่ม (Attachments) ซึ่งทำจากวัสดุสีเหมือนฟัน และแบร็กเก็ตเหล็กสำหรับเกี่ยวยาง (Buttons) ติดลงบนผิวฟัน เพื่อช่วยดึงยางเหมือนในเหล็กจัดฟันด้วย โดยเฉพาะกรณีที่มีปัญหาของการสบฟัน
การจัดฟันใสนั้นมีข้อดีอยู่มากเนื่องจากเป็นการวางแผนการรักษาโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้เห็นการเคลื่อนของฟัน และภาพผลลัพท์เป็นภาพ 3D ได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำการรักษา นอกจากนี้ยังไม่ต้องเข้ามาพบแพทย์ทุกเดือนอีกด้วย พบแพทย์เพียงทุก 6 เดือนเท่านั้น ทำให้สามารถประหยัดเวลาและค่าเดินทางไปได้อีกด้วย ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันแบบใส จะใช้ระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เฉลี่ยคือ 4 เดือน -1 ปี
เครื่องมือจัดฟันแบบใสเหมาะสำหรับ
คนที่ไม่ชอบเหล็กจัดฟัน หรือคนที่ประกอบอาชีพที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นเครื่องมือจัดฟันในปาก
ราคา เริ่มต้น 59,990 บาท
เพื่อนๆ คงได้รู้แล้วว่าจัดฟันแบบธรรมดาต่างจากจัดฟันแบบใสอย่างไร แต่ไม่ว่าจะจัดฟันแบบไหนก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และความต้องการ รวมถึงข้อจำกัดของแต่ละคน ไม่ใช่เราคนเดียวที่จะเลือกได้ว่าจะจัดฟันแบบไหนแต่ทุกๆ คนยังจำเป็นต้องปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการประเมิน และวางแผนการรักษาไปพร้อมๆกันด้วย และไม่ว่าจะเลือกการจัดฟันประเภทไหนก็ต้องมีระเบียบวินัยในการปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ด้วยกันทั้งนั้น ทั้งการหมั่นรักษาความสะอาดฟันและช่องปาก รวมถึงการหมั่นไปพบทันตแพทย์ตามนัด และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเมื่อจัดฟันเสร็จแล้วก็ต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันให้เรียงตัวสวยไปนานๆ ด้วยนะคะ
